ผมมีเวลาประมาน 30 นาทีก่อนทำงานอีกครั้งเลยถือโอกาสมาเขียนต่อ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมสามารถพิมพ์คีย์บอร์ดโดยไม่ต้องมองแป้นแล้ว ทั้งๆที่ไม่ได้เรียนพิมพ์ดีดมาก่อน ชีวิตผมตอนนี้ก็ทำหลายอย่างเปิดร้านป้ายเล็กๆ รวมถึงก็มีกิจจรรมเล็กๆน้อยคือสะสมพระเครื่อง เพื่อนบางคนก็บอกว่า ผมสะสมพระเพราะว่าเก็งราคาจริงๆ ไม่ใช่ครับอยากเก็บเพราะอยากเก็บ ส่วนเรื่องมูลค่านั้น ก็ปล่อยมันเป็นไปตามความเหมาะสมและความนิยมของรุ่นๆนั้นไป ถามว่าดูเก่งใหม ก็พอดูได้ครับ แต่ไม่ได้ช่ำชองทุกเกจิ ส่วนใหญ่ที่ผมสะสมก็เป็นพระหลวงปู่ทวดนั่นเอง
ย่อนกลับมาเมื่อตอน เขียนว่าด้วยความร่ำรวย 01 ผมเองได้เขียนเกริ่นๆขึ้นมาแล้วว่าความร่ำรวยนั้นมันจะมาหาเราเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม อย่างเพื่อนอย่างได้รถสักคัน แต่มันยังไม่ถึงเวลา แม้ว่าจะได้มามันก็เต็มด้วยความลำบากใจ เหมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนด มักจะเกิดจาก การกู้หนี้ยืมสินเพื่อแลกกับคำว่ามี โดยไม่สนใจว่ารายได้เรานั้นจะพอผ่อนรถคันนี้หรือเปล่า
ดังนั้นการมีทรัพย์สินที่มาพร้อมกับเวลาสมควร พร้อมทั้งมีวุฒิภาวะนั้นผมเองจึงมองว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุด เราจะรู้ได้ยังไงว่าเมื่อไหร่เราจะรวย อย่างแรกเราต้องมีรายได้ก่อนครับ ถ้ารายได้จากเงินเดือนนี่ค่อนข้างรวยยากครับ เพราะว่ารายรับรายจ่ายมันคงตัวจับบวกลบ แล้วเหลือเงินเป็นยอดสุทธิได้เลย ต่างจากอาชีพอิสระมันจะมีเงินเข้ามาหลายทาง แต่ต้องระวังเพราะว่ามันต้องพึ่งพาตัวเองสูงและใช้สกิลค่อนข้างมากครับ ถ้าเจ๊งก็คือเจ๊งเลย
ก่อนทำอะไรก็ควรวางแผนการตลาดให้ดีครับ ว่าเราจะผลิตสินค้าตัวนี้ให้ใคร แต่ต้องมีไม้เด็ดนะครับว่าเขาต้องซื้อของเราเพราะอะไร หากยังหาเหตุผลไม่ได้ก็เหมือนทำธุรกิจแบบตายดาบหน้าครับ ส่วนใหญ่ที่ผมเจอก็ตายจริงๆครับ พร้อมกับพับโครงการเก็บไว้แล้วหาสมัครงานประจำอีกรอบ ส่วนธุรกิจที่ผมทำจะเจ๊งไม่ได้ครับ เพราะว่าถ้าเจ๊งมาแล้วกระทบหลายทางครับ ดังนั้นจึงค่อนข้างจริงจังกับมันมากเหมือนกันครับ แต่สไตล์การทำงานก็ยังเหมือนเดิมแบบ ข้ามาคนเดียวเหมือนกัน
ก่อนทำธุรกิจผมเองก็หาหนังสือมาอ่านหลายเล่มเหมือนกัน มีหลายๆเล่มที่ผมชอบถ้ามีโอกาสคงได้มาเขียนให้ได้อ่านกัน ผมอ่านเพื่อที่จะปิดช่องความผิดพลาดที่ยังไม่เห็น เพราะไม่รู้ว่าอะไรอยู่ข้างหน้าบ้าง ถึงตอนนี้ก็พอมองออกบ้างแล้วครับ ว่าจะต่อยอดมันไปยังไง ผมเองต้องหยุดเขียนบล็อกไว้แค่นี้ก่อนเพราะต้องออกไปทำงานแล้วครับ มีโอกาสแล้วพบกันใหม่ครับ