ผมมีร้านประจำที่กินเหล้าว่าง่ายๆ เจ้าของร้านกับผมค่อนข้างสนิทกัน ผมคุยกับเขาได้ทุกเรื่อง รู้หมดว่าเขารวยมาจากอะไร เขารวยมาจากรถเข็นข้างทาง ขายลาบขายก้อย มาเกือบ 30 ปี ผมเองก็เป็นลูกค้าเขาตั้งแต่ยุคแรกๆ จนตอนนี้เขามีตึกให้ 7-11 เช่า เห็นหลายๆคนบอกคนรวยไม่ชอบให้ถามว่าไปทำอะไรถึงรวยมา แต่ผมเองก็ไม่ใส่ใจหรอก เพราะถือว่าสนิทกัน เลยถามได้เรื่อยๆ ประสาคนอยากรวย จริงๆเรื่องที่ผมจะเขียนนี่ยาวมากนะ จนไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน เฟสบุคทำผมสติกแตก เพราะว่าไปเขียนแต่ย่อความมา จนมาเขียนอะไรยาวๆ แล้วมือหงิกไปหมด เพราะคิดว่าคนเราเวลาน้อย ถ้าจะอ่านอะไร อาจจะความอดทนน้อย แต่เอาเป็นว่าผมจะเขียนให้ยาวที่สุดแล้วกัน
ผมเริ่มจากไปตกแต่งให้ร้านเขา แล้วผมก็ทำเต็มที่ เหมือนร้านตัวเอง และผมจ่ายค่าอาหารให้เขามากกว่าค่าจ้างที่เขาจ้างผมเสียอีก ผมได้จากเขามาประมาณ 1 หมื่น แต่รวมๆแล้วผมกินอาหารร้านเขารวมๆ แล้วเป็นแสน ดังนั้นจึงเป็นการตอบแทนที่ผมค่อนข้างขาดทุน แต่เปล่าเลย มันทำให้ผมสามารถคุยกับเขาได้ทุกเรื่อง รวมถึงแม้กระทั่งเรียกเขามาซ่อมไฟที่ร้านที่ก็ยังได้ ผมเองก็คิดเหมือนกัน ถ้าเขาเรียกผมไป ผมก็ต้องไป เรากลายเป็นเพื่อนบ้าน ที่บ้านไม่ติดกัน
ในกรุงเทพฯ คุณจะหามิตรดีๆ ก็ยากเต็มที ยิ่งถ้าได้เจอมิตรที่น่าคบหาก็ควรคบเอาไว้ ผมมีเพื่อนดีๆ อีกหลายคนที่จะเขียนลงในนี้ก็คงไม่หมดแน่นอน ผมกำลังคิดว่าจะแบ่งเรื่องนี้เป็น 2 ตอน หรือว่าจะเขียนลงให้หมดดี เอาเป็นว่าถ้าคุณมีแรงอ่านผมก็มีแรงเขียน
แฟนเขาเรียกผมว่า น้า … ทั้งที่เขาอายุเยอะกว่าผม เขาบอกผมว่า น้าจอห์น เชื่อไหม ว่าคนเรา ถ้าอายุยังไม่ถึงเกณฐ์รวย ทำยังไงก็ไม่รวย คุณว่าผมจะเชื่อเขาไหม ใจหนึ่งผมเองก็ไม่อยากจะเอาอายุตัวเองไปลุ้นกับอายุที่มากขึ้น เกิดมันไม่รวยผมจะทำยังไง ชีวิตมันจะไม่ผ่านไปอย่างว่างเปล่าอย่างนั้นหรือ มันชั่งเป็นการฝากชีวิตไว้กับโชคชะตาโดยแท้ …..
อีกใจหนึ่งเมื่อมองย้อนกลับไป ชีวิตในวัยหนุ่มผมนั้น หาเงินมาได้เยอะมาก แต่ก็ไม่เคยรวย มีแต่หาได้แล้วก็ใช้จ่ายไป หาได้ใช้จ่ายไปวนอยู่แบบนั้น
คำว่า คนเรา ถ้าอายุยังไม่ถึงเกณฐ์รวย ทำยังไงก็ไม่รวย ในความหมายของเขาน่าจะหมายถึง แม้มีเงินในช่วงวัยรุ่นก็ไม่รู้จักเก็บเงินมากกว่า ได้มาใช้ไป ดังนั้นคำนี้จึงไม่เกินเลย เรื่องราวดำเนินไปไม่เท่าไหร่ ผมเองก็ต้องตัดจบอีกแล้ว เพราะว่าต้องทำงานต่อ เฮ้อ… ไว้พบกันใหม่ครับ