The Balance of Social Medias and Bloggings

Author:

john

WordPress ที่ผมใช้อยู่ตอนนี้คือ Version 3.5.1 ผู้รู้ดีนะว่าถ้าไปเปิดบล็อกนี้ใน  Browser ของ ie ที่ต่ำกว่า 7 บล็อกนี้จะเละเป็นโจ๊ก แต่ว่า ตอนนี้ผมใช้ Safari อยู่ก็ปกติดี และ Browser อื่นๆที่เวอร์ชั่นสูงๆน่าจะปกติ ส่วนหนึ่งก็มาจากรูปแหละครับ หลังๆมาผมไม่ค่อยย่อรูป เพราะว่าผมเก็บกดมานานแล้วเรื่องของ Speed net บ้านเรายกตัวอย่างผมจะอับโหลดวิดิโอ แต่ละอย่างก็เจอข้อจำกัด แต่ว่าผมผ่านจุดนั้นมาแล้ว ครับคุณต้องเปลี่ยนตามผม 555 มันเรื่องจริงนะ

เมื่อก่อนน้อยคนที่จะอับโหลดวิดิโอตัวเองขึ้นไป Youtube ได้อย่างสะดวก จะว่าไปแล้วเรื่องที่บ่นเนี่ยมันก็ 5 ปีแล้วนะตั้งแต่เน็ต Speed 2MB ก็ถือว่าขั้นเทพแล้ว Upload Speed ก็ไม่ต้องพูดถึง ไหนๆก็เขียนจั่วหัวแบบนี้มาแล้วก็จะขอเขียนให้มันจบแล้วกันนะครับ เคยสงสัยใหมว่า ทำไมคนเราต้องมี เว็บไซต์หลายๆที่ เช่น youtube acc ,Facebook acc ,Twitter acc นั่นสิจะมีไปทำไม ถ้าคุณไม่ขี้สงสัยก็แล้วไป

ผมเคยคิดว่าทำไมไม่หาอะไรที่มันสำเร็จรูปแล้วก็อยู่ที่เดียวไปเลย แต่หลังจากใช้ไปนานๆ ก็พบว่าแต่ละที่ก็มีจุดเด่น จุดด้อยต่างกัน และที่สำคัญคือความพิเศษที่แตกต่างกันไป เช่น Youtube ก็มีความสมารถที่จะอับโหลดวิดิโอและประมวลผลอย่าง รวดเร็ว หรือแม้แต่ Facebook ก็สามารถที่จะ แชร์เรื่องราวต่างได้อย่างง่ายดาย WordPress ก็สามารถสร้าง Content ได้อย่างดีเยี่ยม

กระแสนี้มันเริ่มมาจาก Web 2.0 ที่เข้ามาเมืองไทยประมาณ 6 ปีที่แล้วครับ และโตอย่างรวดเร็ว จะเห็นว่าเว็บเหล่านั้นมีความสามารถเฉพาะด้านจริงๆ คือไม่ได้ทำแบบเว็บท่า Web portal อย่างที่เรารู้จัก คือมีบริการสารพัด เช่นบริการ e-mail มีเกมส์ให้เล่นมีดวงให้ดู จะเห็นได้ว่า Web 2.0 นั้นมักจะมุ่งไปทางใดทางหนึ่ง และชัดเจนและมีจุดเด่นในด้านใดด้านหนึ่งครับ

The Balance of Social Medias and Bloggings เคยมีหลายครั้งเหมือนกันที่คิดว่า บล็อกอาจจะต้องปิดไป แล้วไปอาศัยเป็น user ของ Web 2.0 อย่าง Facebook ตามวัฒนธรรมการกลืนกินไปเสียอย่างนั้น ทั้งนี้ก็ไม่ใด้เบื่ออะไร แต่คิดว่าอาจจะไม่มีแรงสู้ไหว หรือ อาจจะออกแบบมาไม่ได้เท่า

จนเมื่อได้สัมผัส ตัวตนหลายๆคนใน Facebook พวกเขายิ่งล่องลอยกว่าผมเสียอีก พวกเขาฝากทุกอย่างไว้ใน Facebook และจัดเรียงระบบไฟล์อย่างไม่เป็นระเบียบ ยากต่อการตามอ่าน และ Facebook แน่นอนว่า เมื่อคุณต้องการอ้างอิงอะไรสักอย่างคุณจะสาระวนกับการไล่ตาม Entry ของคุณไม่รู้ว่าคุณโพส บทความและรูปภาพ ไว้เมื่อไหร่ ยกตัวอย่าง วิดิโอเรื่องล่าสุดที่ผมแชร์ใน Facebook เรื่องอะไรนั้นผมยังหา Post นั้นไม่เจอเลย

จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า แม้บริษัทใหญ่จะมี Facebook แล้วยังจำเป็นต้องมีเว็บไซต์อีกด้วย แล้วจะมีไปทำถ้าคุณสามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วย Facebook มันคงตลกดีถ้านักศึกษาฝึกงานคนหนึ่ง บอกว่าอยากติดตามงานของผมให้เข้าไปที่ Facebook ก็ไม่อยากนึกเหมือนกัน ถ้าตกลงปลงใจจะฝากทุกอย่างไว้ที่นั่น  การควบคลุม Balance สองอย่างนี้คือ เป็นเว็บที่ส่งเสริมกัน

แน๊ะเห็นใหมละทำไมเราถึงต้องมีหลายๆ account ให้มันวุ่นวาย ก็เพราะว่ามันมีความสามารถแต่ละอย่างที่แตกต่างกัน การกระตุ้นแฟนเพจ เพื่อส่งทราฟริก และ ส่งทราฟริกเข้า Facebook เพื่อดึงคนที่สนใจเพิ่มเติม นั่นคือเพื่อนของคุณ สังเกตว่าถ้าคุณกด Like อะไรแล้วมันมักจะไปโผล่ที่หน้า Wall องเพื่อนอีกคน เพื่อไปหาสมาชิกใหม่ติดตาม Webpage คุณนั่นเอง นั่นคือการเพิ่มทราฟริกที่ดีเยี่ยม

ผมไม่คิดว่าจะมีใครดีเด่นอะไร ที่วัดจากจำนวน Fanpage ที่เป็นแสนเป็นล้านเพราะว่าเลิกแล้วก็เลิกกันไป แต่ผมมองว่าคนที่สามารถควบคลุมสมดุลย์ระหว่าง เว็บบล็อก และ Facebook และ Social ได้นั้น จะสามารถเพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บ และยังคงมีตัวตนอยู่แม้วันนี้ แม้จะไม่มี Facebook  อีกต่อไป…