“ข้อได้เปรียบชั้นดีของพวกเราคือ ร้านเราเปิด 24 ชม. คนสามารถซื้อสินค้าของเราได้ทั่วโลก ไม่เหมือน 7-11 ที่ต้องเน้นยอดขายจากคนแถวนั้น และ ต้องเป็นทำเลที่ดี “
ผมจั่วหัวขึ้นมาเท่ๆเฉยๆ เพื่อดึงให้คนอ่านในประโยคต่อไป จริงๆแล้วมันก็เป็นเช่นนั้นแหละครับ อย่าหาว่าบทความนี้ผมเขียนเอาใจมือใหม่เลยนะครับ แม้แต่มือเก่าๆ ก็ต้องประสบกับเหตุการณ์นี้เหมือนกัน เรื่องของเรื่องคือเราเอายอดขายในแต่ละวันมาสรุปครับ ซึ่งมันมีผลต่อมือใหม่มาก เพราะมันไม่ใด้ขายได้ทุกวัน ถ้าวันหนึ่งมีแค่ 24 ชม. ในความคิดของคุณ
แค่ร้านเปิด 24 ชม. ค่าใช่จ่ายน้อย ได้ทำเลที่มาจากคนทั้งโลกผมว่ามันก็สุดยอดแล้วครับ รวมถึงสามารถทำงานได้อย่างอิสระ ผมเองก็ยอมรับว่าผมเช็คยอดทุกวัน เพราะว่าผมติดในกฏของการอับเดทเสียแล้วครับ ดังนั้น วลีที่ว่า อัพเดท หรือยัง ย่อมเป็นเรื่องที่ ที่เราคุยกันอย่างสนุกปากเสมอสำหรับ Amazon ครับ สำหรับมือใหม่แล้วมันเป็นเรื่องโหดร้าย เพราะว่ามันท้อนะสิ
ถ้าคุณคิดว่าวันหนึ่งมี 24 ชม. ถ้าคุณขายไม่ใด้คุณจะนับวันแล้วก็จบด้วยการเลิกทำ และวันหนึ่งคุณกลับเข้ามาเช็คยอดแล้วคุณสามารถขายได้แบบงง ว่ามันวันไหน เพราะว่าสินค้าที่ขายได้หากไม่กำหนดวันแล้วและไม่ได้คาดหวังกับยอดที่มาแบบงงนั่นเองครับ ..
แม้วันหนึ่งจะมี 24 ชม. เท่ากันของมือเก่ากับมือใหม่ก็จริงแต่ว่ามันมีข้อแตกต่างกันดังนี้ครับ
“มือใหม่มอง 24 ชม ของ Report คือยอดขาย มือเก่ามอง 24 ชม.คือการวางแผน” ลองสังเกตดังนี้นะครับ มือใหม่มักจะลุ้นว่า วันนี้จะขายได้ใหม.. ส่วนมือเก่าจะมองหา จำนวนออเดอร์เป็นส่งแรกครับ แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ต่างกันคือเรามีเวลาเท่ากันในหนึ่งวัน
หากเราตัดเรื่องวันหนึ่งมี 24 ชม เราจะลดแรงกดดันได้ครับว่า วันนี้ขายได้ไม่ได้ ส่วนตัวผมแล้ว มักจะคิดว่า 24 ชม. เราได้ทำอะไรลงไปเพื่อเพิ่มยอดขายหรือเปล่าเท่านั้น ส่วนเรื่องยอดก็เช็คเหมือนกันครับ ยอดขายมันก็มาจากแรงที่เราลงไปนั่นแหละ ถ้าทำแบบสมเหตุสมผล สิ่งตอบแทนก็จะมากตามครับ
ทำไมถึงไม่บอกว่าทำหนัก เท่าไหร่ จะได้ยอดขายมากเท่านั้น อันนี้ผมใช้คำว่า ถ้าทำแบบสมเหตุสมผล จะเหมาะกว่าครับ ไม่อยากเห็นเราลงแรงกาย แรงใจไปกับเรื่องนี้ แต่ว่าผลตอบแทนน้อย เพราะว่าไป Focus เรื่องขายสินค้าที่ผิดที่ผิดทาง โดยไม่มีเหตุผลครับ